รางสายไฟมีประโยชน์อย่างไร มีกี่แบบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่างานเดินสายไฟภายในอาคารเป็นงานที่ค่อนข้างอันตรายหากสายไฟมีการชำรุดเสียหาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายและเพิ่มความเป็นระเบียบอย่างรางสายไฟเข้ามาช่วย แต่ก็มีหลายประเภทให้เลือกและแต่ละประเภทอาจตอบโจทย์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักว่ามีกี่แบบและเลือกใช้ยังไง
รางสายไฟมีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์ของรางสายไฟหลัก ๆ มีดังนี้
1. ป้องกันอันตราย
การติดตั้งรางสายไฟจะช่วยป้องกันอันตราย จากเหล่าบรรดาแมลงและสัตว์พันธุ์แทะที่จะเข้ามาแทะหรือกัดสายไฟขาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. สะดวกต่อการเดินสายไฟ
อยากเดินสายไฟในพื้นที่แคบ กว้าง หรือแบบไหนก็สามารถทำได้ง่าย ๆ มั่นใจว่าสายไฟไม่พันกัน
3. ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ
โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการลุกไหม้ของสายไฟหรือไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจะได้มั่นใจว่าระยะความเสียหายอยู่ในพื้นที่จำกัด
4. เลือกได้หลากหลาย
ทั้งขนาด ความทนทาน และดีไซน์
ประเภทของรางเก็บสายไฟ
โดยทั่วไปรางสายไฟมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- สำหรับงานระบบ มีลักษณะโปร่งใสและมีช่องด้านข้างสำหรับการแยกสายไฟ เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริเวณคลังสินค้าและระบบควบคุมต่าง ๆ
- ติดตั้งบนผนัง มีลักษณะทึบและมีช่องสำหรับการใส่สายไฟ ข้อดี คือ ช่วยให้มีความเป็นระเบียบและเหมาะสำหรับการตกแต่งในสำนักงานบ้านพักและที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
- รางเก็บสายไฟติดตั้งพื้น มีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีความโค้งมนคล้ายกับโค้งหลังเต่า เพื่อให้ง่ายต่อการเดินหรือลากอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านได้ ส่วนใหญ่เหมาะกับงานสำหรับการเดินสายไฟบริเวณทางเดินประตูเป็นหลัก
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามถึงแม้รางสายไฟมีข้อดีในเรื่องความทนทานและใช้งานได้หลาย ๆ พื้นที่ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้ ดังนี้
- ไม่เหมาะแก่การใช้งานภายนอกอาคาร ถึงแม้วัสดุจะทนทานแต่ก็ผลิตมาจากพลาสติกหรืออลูมิเนียม ซึ่งไม่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
- วิธีการเลือกใช้งาน ต้องพิจารณาตามสภาพพื้นที่งาน เช่น บริเวณที่มีฝนตกต้องเคลือบสารกันฝน เป็นต้น
- ตรวจสอบความยาวของรางเก็บสายไฟก่อนซื้อเสมอ
- ไม่ควรใช้กาวสองหน้าแบบทั่วไป แต่ควรเป็นเทปกาวสองหน้าสำหรับรางเก็บสายไฟโดยเฉพาะ
- เลือกขนาดรางสายไฟให้เหมาะสมกับขนาดสายไฟ หรือหาไม่มั่นใจควรขอคำแนะนำจาผู้จำหน่ายว่าควรเลือกขนาดเท่าไหร่
จะเห็นได้ชัดว่ารางสายไฟนั้นทำมาจากวัสดุหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้งานภายในอาคารและมีขนาดที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อก็อย่าลืมวัดความยาวและขนาดของสายไฟ หรือหากไม่มีความรู้ก็ควรขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะ